Pages

Saturday, November 24, 2012

นารายณ์ฟาร์ม แห่งดินแดนที่ราบสูง

นารายณ์ฟาร์ม แห่งดินแดนที่ราบสูง

image

นารายณ์ฟาร์ม แห่งดินแดนที่ราบสูง.

พูดคุยเรื่องหมาๆ มาก็มาก ขอเลี้ยวขวาขึ้นไปยังดินแดนที่ราบสูงเพื่อไปดูธุรกิจอาชาที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ในขณะนี้บ้างว่าน่าเข้าไปสัมผัสแค่ไหน 


คนที่จะเป็นไกด์นำพาเราไปดูครั้งนี้ก็คือ ผอ.พงษ์เพชร์ ทาหะพรหม ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสุรนารายณ์บริบาล และยังเป็นเจ้าของฟาร์มม้า นารายณ์ฟาร์ม ที่เรากำลังพูดถึงนั่นเอง ก่อนที่จะล้วงลึกถึงศูนย์รวมม้า นารายณ์ฟาร์ม ผอ.พงษ์เพชร์ บอกว่าต้องมารู้ประวัติม้ากันซะหน่อยก็แล้วกัน


  


ม้า เป็นสัตว์ที่คนนำมาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 5,000 ปีมาแล้ว ม้าจึงเปรียบเสมือนสมาชิกภายในบ้าน เป็นทั้งผู้รับใช้และเป็นทั้งเพื่อนไปในตัว ม้าเป็นสัตว์ตระกูลสูงที่มีประโยชน์ทั้งในเวลาปกติและในเวลาสงคราม สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้รักษาเอกราชและความเป็นไทของชาติไทยไว้ให้กับคนรุ่นหลังก็ได้อาศัยม้าไว้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขี่ออกรบ เพราะในสมัยก่อนไม่มียวดยานพาหนะ

พันธุ์ม้า มีอยู่ประมาณ 170 พันธุ์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ม้าและโพนี่ โดยใช้ความสูงเป็นเกณฑ์ อย่างสูง 14.2 แฮนด์ เรียกว่า ม้า ส่วนที่ต่ำกว่า 14.2 แฮนด์ เรียกว่า โพนี่ กลุ่มที่เรียกว่าม้ายังแบ่งออกเป็น ม้างาน และ ม้าขี่ ม้างาน อาจเรียกว่าม้าเลือดเย็น ม้าขี่ เรียกว่า ม้าเลือดอุ่น แต่ทั้งม้าเลือดเย็นและม้าเลือดอุ่นต่างก็มีอุณหภูมิร่วม 100.5 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 38 องศาเซลเซียส

ม้าใช้งานจะมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง ลำตัวหนา เงียบ ส่วนม้าใช้ขี่รูปร่างเพรียว กระดูกสมส่วน ว่องไว รูปร่างของม้าโพนี่ที่ดีเมื่อดูแล้วจะต้องสมดุล เราอาจสังเกตดูนิสัยม้าได้จากนัยน์ตา โดยธรรมชาติม้าจะมีนิสัยตื่นตกใจง่าย ดังนั้นเราจะต้องเข้าหามันด้วยความนุ่มนวล เมื่อม้าทำผิดเราจะต้องทำโทษทันที แต่เมื่อทำดีเราจะต้องชมโดยตบที่คอเบาๆ นิสัยไม่ดีของม้าใช่มีมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เราสามารถจะแก้ได้โดยอาศัยคนเลี้ยง คนเลี้ยงม้าที่ดีจะต้องเป็นเป็นคนเงียบ เรียบร้อย มีความเมตตาต่อสัตว์ ทำอะไรต้องสม่ำเสมอและมั่นคง

   



ม้าที่ใช้งานในประเทศเรา ปัจจุบันมี 3 ชนิดคือ
1.ใช้ในกิจการแข่งม้าและการกีฬา
2.ใช้ในกิจการทหาร 
3.ใช้ในกิจการผสมพันธุ์ เพื่อขายเป็นม้าแข่ง ได้แก่การทำฟาร์มม้าพันธุ์ดี
เรียกได้ว่าทั่วภูมิภาคของไทยนิยมเลี้ยงม้ากันมากโดยเฉพาะม้าไทยแม้จะมีความเชื่อว่าม้าไทยมีขนาดเล็ก ดื้อ ฝึกยาก แต่ก็ยังคงมีกลุ่มคนรักม้ายังอนุรักษ์อยู่ จะเห็นได้จากหลายพื้นที่ของไทยนิยมใช้ม้าในภารกิจต่างๆ เช่นงานบวช การท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการลำเลียงสินค้าจากพื้นที่ที่เป็นภูเขา เป็นต้น และอีกภารกิจที่ม้ากำลังถูกกล่าวถึงมากเวลานี้ก็คือ ภารกิจอาชาบำบัดผู้ป่วยโรคออทิสติก หรือแม้กระทั่งการเยียวยาผู้ป่วยที่มีปัญหาสมาธิสั้น รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ซึ่งจะว่าไปแล้วการใช้สัตว์มาช่วยในการบำบัดรักษาคนนั้นมีมานานมากแล้ว และก็ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะม้าเท่านั้น หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องการใช้สุนัขช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้ป่วย หรือการใช้ปลาโลมาช่วยบำบัดโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ สมาธิสั้น กระทั่งเชื่อว่าเสียงโลมาจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้อีกด้วย แต่ความวิเศษของม้าที่เหนือกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ คงอยู่ที่เรื่องของสรีระ การเคลื่อนไหว ซึ่งมนุษย์สามารถขึ้นไปนั่งขี่บนหลังม้า รับรู้และสัมผัสการเคลื่อนไหวนั้นๆ  และเวลาขี่ม้าเด็ก (ผู้ป่วย) กับผู้ปกครองจะได้มีโอกาสสื่อสาร ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีม้าเป็นตัวเชื่อมโยง ช่วยสารสัมพันธ์ที่สำคัญเพราะเวลาอยู่บนหลังม้าเราบอกให้เขาทำอะไรเด็กก็มักจะเชื่อฟังเรามากกว่าปกติ


   



เป็นการทำความเข้าใจในภารกิจของม้าที่มีบทบาทมากพอสมควรในสังคมปัจจุบันที่ ผอ.พงษ์เพชร์ ทาหะพรม ได้พูดคุยให้เราฟัง ทีนี้เรามาเข้าเรื่องของนารายณ์ฟาร์มกันดีกว่าว่าสถานที่ตั้งอยู่ที่ไหน ในฟาร์มประกอบด้วยอะไรบ้าง และมีม้ากี่สายพันธุ์เผื่อใครอยากเข้าไปสัมผัสจะได้รับรู้เป็นฐานข้อมูลเบื้องต้น

นารายณ์ฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 555 หมู่ที่ 5 บ้านบะแค .เมืองพล-แวงใหญ่ .แวงใหญ่ .แวงใหญ่ .ขอนแก่น และอีกที่ก็คือ 777 หมู่ที่ 7 บ้านท่าเว่อ .ท่ามะไฟหวาน .แก้งค้อ .ชัยภูมิ ซึ่งในที่นี้จะขอพูดถึงที่แวงใหญ่ก็แล้วกัน สถานที่แห่งนี้นั้นมีเนื้อที่กว่า 38 ไร่ แบ่งออกเป็น 3 แปลง แปลงที่ 1 เป็นแปลงปลูกหญ้าแพงโกล่าซึ่งเป็นหญ้าที่มีโปรตีนสูงเหมาะสำหรับเลี้ยงม้า แปลงที่ 2 ขุดเป็นบ่อเลี้ยงปลานานาชนิดและไร่นาสวนผสม และอีกแปลงเป็นพื้นที่โล่ง สร้างคอกม้าและบ้านพักอาศัย แม้จะห่างไกลความศิวิไลสักนิด แต่การปลูกสร้างที่ผสมผสานลงตัวทำให้สถานที่แห่งนี้ร่มรื่น เหมาะที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้อย่างสบาย ยิ่ง ผอ.พงษ์เพชร์ ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้พื้นที่แห่งนี้น่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้อีกแห่งของชุมชนย่านนี้ เพราะ นารายณ์ฟาร์ม ถือเป็นศูนย์รวมและเรียนรู้อนุรักษ์ม้าไทย, เทศ, ลูกผสม, ม้าแฟนซี และม้าแสนรู้มากมาย


   



จุดเด่นของ นารายณ์ฟาร์ม จะมีพ่อพันธุ์หลายสายพันธุ์ ทั้งม้าไทย ม้าควอเตอร์ ม้าอาราเบี่ยน ม้าลูกผสม เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ม้าชั้นดี และมีม้าขี่คุณภาพเยี่ยมจำหน่ายในราคาไม่แพง แค่เริ่มต้นที่ 20,000 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งปัจจุบันม้าขี่กำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ยิ่งทั่วโลกรณรงค์ลดสภาวะโลกร้อนด้วยแล้ว ม้าขี่ก็ยิ่งได้รับความสนใจ ซึ่งม้าขี่ที่นารายณ์ฟาร์มจะเป็นม้าไทยพันธุ์ผสม ซึ่งจุดเด่นของม้าพันธุ์ผสมจะเป็นม้าที่มีความอดทน แข็งแรง ตัวไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เลี้ยงง่ายใช้พื้นที่ไม่มาก การกินอยู่ก็สบายๆ แค่มีหญ้าขนหรือหญ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ใช้ได้แล้ว  เรื่องโรคภัยไข้เจ็บหายห่วงไม่มีให้เห็น ยิ่งช่วงนี้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวและงานแฟร์ต่างๆ ให้ได้เที่ยวกันหลายงาน ส่งผลให้วงการม้าคึกคักตามไปด้วย มีหลายครั้งที่มีการประกวดม้า นารายณ์ฟาร์มเราก็ส่งประกวดด้วยและได้รับรางวัลมาแล้วมากมายเช่นกัน สำหรับลักษณะพันธุ์ม้าไทยที่นิยมเลี้ยงในขณะนี้มี 3 ขนาดคือ 1. ความสูงตั้งแต่ 1.3 เมตรขึ้นไป มีลักษณะโครงสร้างใหญ่เหมาะนำไปพัฒนาสายพันธุ์ 2. ความสูงตั้งแต่ 1.2 เมตร เป็นม้าขนาดกลางที่มีจำนวนมาก ใช้ง่ายเหมาะกับคนไทยและปลอดภัยในการขี่ รูปร่างสวยงามสมส่วน คนไทยนิยมขนาดนี้มาก และขนาดที่ 3 เป็นขนาดเล็กคือต่ำกว่า 1.2 เมตร เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน มักเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา เหมาะกับเด็กเล็กหัดขี่แต่สายพันธุ์นี้หายากราคาสูง นอกจากนี้ยังมีม้าสายพันธุ์แฟนซี (ม้าด่าง) เป็นพันธุ์หายากมาก แต่สวยคุ้มค่าราคาสูงมักเป็นที่นิยมของผู้พบเห็นเพราะสายพันธุ์สะดุดตา ซึ่งที่นารายณ์ฟาร์มก็มีเช่นกันโดยเฉพาะพ่อพันธุ์อย่างเจ้าสยามแฟนซี โดดเด่นมากเวลานี้ 


   



สำหรับใครที่อยากได้ม้าไปเลี้ยง ผอ.พงษ์เพชร์ บอกว่า ยินดีให้คำปรึกษา นอกจากนี้ยังมีบริการฝึกให้ด้วยโดยครูฝึกผู้ชำนาญการ บริการส่งม้าให้ถึงที่ บริการสร้างคอกโดยผู้เชี่ยวชาญ (ความกว้างของคอกเพียง 3x4 เมตรก็ใช้ได้แล้ว) มีอุปกรณ์เสริม ต่างๆ ที่เป็นหนังแท้ 100 % เช่น อาน รองเท้าบูธ หมวก และอื่นๆ ในราคาที่เป็นกันเอง ถ้าต้องการอาหารเสริมก็มีบริการให้ หากซื้อไปแล้วมีลูกออกมาก็จะรับซื้อลูกคืน (ม้าตั้งท้อง 11 เดือน ตกลูกเอง เพียง 2 ชั่วโมงก็วิ่งปร๋อ) ซึ่งปัจจุบันประเทศมาเลเซีย กัมพูชา ลาว พม่า ต้องการม้าจากเรามาก อ้อ! ม้าก็มีประสาทส่วนกลางโตเหมือนหมา สายตาดี หูดี เหมือนหมาเช่นกัน จะสังเกตง่ายหากเจ้าของกลับเข้ามาเขาจะร้องทักเหมือนหมายังไงยังงั้น 

เป็นอย่างไรบ้างครับการทัวร์ฟาร์มม้า นารายณ์ฟาร์ม ครั้งนี้ หวังว่าแฟนๆ คงจะได้สาระน่ารู้เกี่ยวกับม้าไม่มากก็น้อย สำหรับผมแล้วถือว่า การทำธุรกิจฟาร์มม้า เวลานี้น่าสนใจจริงๆ เงินลงทุนก็ไม่มากมายอะไร เลี้ยงง่ายไม่ขี้โรค ประโยชน์ก็มากหลาย ถึงจุดนี้คงมีหลายคนอยากลงทุนเปิดฟาร์มม้าแล้วละซิ งั้นโทรปรึกษาผู้มีประสบการณ์อย่าง อาจารย์พงษ์เพชร์  ทาหะพรหม แห่งนารายณ์ฟาร์ม ก่อนก็แล้วกันว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร โทรศัพท์สายตรงหมายเลข 081-7254341, 086-3101191 หรือจะเดินทางไปศึกษาฟาร์มม้าด้วยตนเองเพื่อให้ได้เห็นกับตาก็น่าจะดี ฟาร์มมีอยู่ 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่เลขที่ 555 หมู่ที่ 5 บ้านบะแค .เมืองพล-แวงใหญ่ .แวงใหญ่ .แวงใหญ่ .ขอนแก่น 40330 หรือแห่งที่ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 777 หมู่ที่ 7 บ้านท่าเว่อ .ท่ามะไฟหวาน .แก้งคร้อ .ชัยภูมิ 36150 สะดวกที่ไหนไปดูกันที่นั่นนะครับ 


  

ขอบคุณ นิตยสารอาณาจักรสัตว์เลี้ยง

2 comments:

Unknown said...

ไกลจากตัว จังหวัดขอนแก่น มากไหมครับ

Unknown said...
This comment has been removed by the author.

Post a Comment

 
Design by Store su | Bloggerized by Laikeng - sutoday | Court