Pages

Saturday, November 24, 2012

ไปควบม้าที่บ้านแม่สะลองใน

ขี่เสือ(ภูเขา)ไปควบม้าที่บ้านแม่สะลองใน



ฉากหลัง วิวทัศน์สวยงามหลังฝนตกโปรยปรายน้อย พวกเรากำลังขี่ม้าสนุกบนดอยนางนอน และบริเวณหลังภูใจใสรีสอร์ท ในบ้านแม่สะลอง อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ทริปขี่เสือ(ภูเขา)ไปควบม้าสนุกมาก...

 ....วันแรก(เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กย.4 พวกเราออกเดินทางทีแรกหวั่นใจ พอถามใครก็บอกว่า "ไม่ขี่ม้า" โดยเฉพาะเฮียเปี๊ยก กับผู้พันมานพ ออกตัวว่าไม่อยากขี่ม้าทำให้เราอึดอัดใจมาก เพราะคุยกับคุณสีหมอก (เจ้าของสีหมอกฟาร์ม) ว่าจะมาเรียนขี่ม้าที่ฟาร์มกันทั้งหมด 5 คน (นับรวมถึงอาหมง อาจี้กงหรือเฮียเผ่า) และอีกอย่างน้าหมงก็บอกว่า ไม่ค่อยอยากพักกับเขา แต่อยากพักเต้นท์และหุงกินข้าวเองมากกว่า...จนสุดท้ายพอเราปั่นจักรยานเข้า ไปจากเมืองเชียงรายไปบ้านแม่สะลองในนับระยะทางประมาณ 50 กม. ได้ไปเดินชมบริเวณฟาร์มม้าของคุณสีหมอก และทุกคนก็ตัดสินใจมาร่วมกิจกรรมตามที่เราได้ตั้งใจไว้ โดยตั้งชื่อทริปนี้ว่า "ขี่เสือ(ภูเขา)ไปควบม้าที่บ้านแม่สะลองใน"

 ....เมื่อพี่บังอ้วนกลับมาแล้ว ได้โทรเรียกเสือออยด้วยใช้วิธีขอคืนดีกันเดิม จนเสือออยเข้าใจดีก็หายงอนกันแล้ว พี่บังอ้วนเล่าเรื่องไปเรียนขี่ม้าสนุกดี ความจริงอยากจะพาเสือออยไปด้วย แต่แผนของเสือออยคลาดกันไปคนละทริป เพราะไปเชียงใหม่คนเดียวเพื่อดูงานโอท้อปและเยี่ยมคุณเสือสาวเมืองหนาว กับพี่ติ๋ว พร้อมร่วมกิจกรรมในชมรมจักรยานวันอาทิตย์เชียงใหม่จัดทริปไปถ้ำเมืองออน 65 กม.

 ....พี่บังอ้วนส่งอัลบั้มภาพถ่ายให้เสือออยทำรายงานเล่าเรื่องให้เพื่อนชาว thaimtb อ่าน เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้คุณสีหมอก เจ้าของสีหมอกฟาร์ม เพราะค่าใช้จ่ายค่าอาหารม้าตัวละ 100 บาทต่อวัน จึงต้องฝากให้เสือออยช่วยเหลือด้านประชาสัมพันธ์ชวนเพื่อนๆไปเรียนม้าชม ภูมิประเทศกันนะคะ




นี่แหละ...พระขี่ม้าบิณฑบาต ที่ทำให้เกิด Unseen in Thailand ขึ้นมาเพื่อการอนุรักษ์ม้าไทยภูเขาความกันดารแห่งแผ่นดินดอย...มิใช่อุปสรรคแห่งธรรม
....ท่านพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต (ครูบาเสือโคร่ง) หรือฉายา "นักบุญแห่งขุนเขา" ก็เคยเป็นอดีตทหารม้าเก่าผ่านศึกสมรภูมิมาแล้ว ชาวบ้านก็เรียกท่านพระครูบาเหนือชัยว่า "ตุ๊เหมอ" ท่านพระครูบาเหนือชัยได้แนะนำให้คุณสีหมอกไปช่วยไถ่ชีวิตม้าอันน่าสงสาร 2 ตัวแรกจากโรงฆ่าสัตว์ นำมาเลี้ยงม้าตัวนี้ไว้ในฟาร์มของคุณสีหมอก เพื่อสร้างศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ม้าไทยภูเขา มีม้าแกลบ (ก็ใช่ว่าเป็นม้าไทยภูเขาเหมือนกัน) อยู่ในความดูแลประมาณ 150 ตัว แต่ของฟาร์มสีหมอกมีม้าอยู่ราว 60 ตัว คุณสีหมอกจึงเปิดให้บริการขี่ม้าในภูมิประเทศ (XC) ให้ผู้ที่ชอบการผจญภัยได้มาสัมผัสกับธรรมชาติของป่าเขาอย่างใกล้ชิด
....ช่วง เวลาที่พี่บังอ้วนกำลังไปหาท่านพระครูบาเหนือชัยนั้น ลูกพระวัดได้บอกว่าท่านป่วยเป็นไข้หวัดอยู่ เลยไม่ออกบิณฑบาต จึงชวดถ่ายรูปพระขี่ม้า เลยปั่นจักรยานไปหาคุณสีหมอกฟาร์มอยู่ข้างล่าง



พระลูกสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองกำลังขี่ม้าออกบิณฑบาต....เหตุ นี้ท่านพระครูบาเหนือชัย ได้นำเด็กชายที่เป็นลูกหลานของชาวเขาที่ยากจนและอยู่ห่างไกลความเจริญ เข้ามาบวชเรียนเพื่อศึกษาพระธรรม และเรียนหนังสือภาษาไทยพร้อมทั้งได้เรียนวิชาศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย และการตีกลองสะบัดชัย
....ตามปกติท่านพระครูบาเหนือชัย พาพระลูกเจ้าสำนักที่นี่ใช้ม้าแกลบเป็นพาหนะในการออกบิณฑบาตไปยังหมู่บ้าน สี่หมื่นไร่ มีระยะทาง 5 กิโลกว่า โดยขี่ม้าลัดเลาะทุ่งหญ้า ป่าเขา และลงห้วยลำธาร จึงเป็นภาพที่แปลกตาสะดุดใจของนักท่องเที่ยว



คุณสีหมอกกำลังให้ม้า "เมฆินท์" ออกกำลังเพื่อลดความคึกคะนองก่อนจะเอาเจ้าเมฆินท์ให้พี่บังอ้วนขึ้นอาน เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากม้าพยศได้ ....พี่บังอ้วนเล่าว่า ม้าที่ผู้พันมานพขี่อยู่ชื่อ "เพชรขาว" เป็นม้าแสนเชื่องดีมากกว่าเจ้าเมฆินท์ เจ้าเพชรขาวมาจากบ้านสามสูง ชายแดนพม่า วันที่คุณสีหมอกพาม้าตัวใหม่กลับบ้านระหว่างทางก็เกิดแผ่นดินไหวพอดี จึงเรียกม้าสีขาวตัวนี้ว่า "เพชรขาวแผ่นดินสะเทือน" ปัจจุบันเจ้าเพชรขาวมีอายุมากขึ้นกลายเป็นม้าพารามิโน คือ ขนที่ตัวเป็นสีเหลือง แต่ขนแผงคอสีขาว
....เจ้าเมฆินท์ ม้าสีน้ำตาลเข้มดำที่พี่บังอ้วนขี่อยู่นั้น ดูเหมือนว่ายังตกอาการคึกคะนองอยู่...เสียวเมื่อไหร่มีอันตกอานม้าแน่



คุณสีหมอกกับชีวิตอิสระที่เลือกไว้แล้ว...น่าอจิฉาจัง....ม้าตัวนี้ชื่อ "สิงขร" เป็นม้าโปรดของคุณสีหมอก....วัน แรกที่เริ่มขี่ม้าประมาณบ่ายสามโมงเย็น อากาศดีมาก ไม่มีแดด ฝนตกปรอยๆ "เอ้า..เตรียมตัวให้พร้อมออกไปได้แล้วครับ" คุณสีหมอกออกคำสั่งให้พวกเราถือสายบังเหยีนให้คันขึ้น ม้าจะวิ่งตามไปด้วย พาพวกเราขี่ม้าขึ้นดอยผ่านหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่างๆ เดินผ่านทุ่งหญ้าบางครั้งก็ควบผ่านนาข้าวไร่ของชาวบ้าน พวกเราทุกคนต้องคอยดึงสายบังเหยีนให้ตึงขึ้นเพื่อไม่ให้ม้าเผลอไป กิน(มั่ว)ข้าวของชาวบ้านปลูกไว้


"พร้อมแล้วครับ" พวกเราร้องลั่นคำรามเหมือนท้าแข่งม้าเร็วกัน
เมื่อพวกนักปั่นเสือภูเขากลายเป็นนักเรียนหัดขี่ม้าครั้งแรก
....จุด เริ่มต้นการหัดขี่ม้าเล่น พวกเราได้ขึ้นอานม้าครบเครื่อง รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจตลอดโดยเฉพาะคุณสีหมอกได้พาพวกเราขี่ม้าลุยห้วยลำธาร น้ำตกเล็กในหุบเขา แต่พอขึ้นบกอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเนินสูงชัน และแคบต้องให้ม้าควบด้วยความเร็วพอดี คิดว่าเร็วมากราว 40-50 กม./ชม. เพื่อให้ม้ามีกำลังส่งโดดข้ามเนินสูงแต่ละคนโดนหนามไผ่เกี่ยวเข้ากลายเป็น ของฝากรอยแผลกันถ้วนหน้า เจ็บก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ...พี่บังอ้วนบอกพร้อมถลกชายกางเกงบริเวณหัวเข่า ให้เสือออยดูพบว่ามีรอยเส้นสีเลือดแห้งเป็นรอยข่วน เนื่องจากพวกเรานุ่งกางเกงขาสั้นไปถูกหนามไผ่ได้ทุกคนด้วย



บริเวณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ม้าไทยภูเขาของสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง มองจากด้านบนบริเวณถ้ำอาชาทอง ในพื้นที่หมู่บ้านแม่สะลองใน ท่ามกลางฝนตกโปรยปรายตลอดวัน ....คุณสีหมอกให้แนะนำว่า ควรขี่ม้าช่วงเย็นดีกว่าช่วงเช้า อากาศดีม้าไม่เครียด คนขี่ม้าก็ไม่ร้อน การขี่ม้าแค่ครึ่งวันกำลังดี ถ้าขี่ม้าอยู่นานเกินไปจะพาลเข็ดขยาดไม่กล้าขึ้นขี่ม้าอีก เพราะจะเจ็บก้นและปวดหลังคล้ายๆกับการหัดขี่จักรยานทางไกลใหม่ๆ ต้องใช้เวลาหลายวันๆกว่าจึงจะปรับร่างกายเข้ากับการขี่ม้าได้ดี.



ผู้พันมานพยืนโอบสันคอเจ้าเมฆินท์อย่างเอ็นดู ....ม้า ที่พวกเราขี่ม้าทุกตัวจะตามหลังม้าผู้นำ "สิงขร" ของคุณสีหมอกพาไป หากคุณสีหมอกควบม้าตะบึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเราก็จะควบม้าให้ตามไล่ทันคุณสีหมอกได้ ตลอดทางคุณสีหมอกจะคอยอธิบายวิธีการต่างๆ และอธิบายถึงภูมิประเทศอย่างรอบรู้ และเข้าใจธรรมชาติเป็นอย่างดี


พี่บังอ้วนกับเจ้าเมฆินท์...กลายเป็นเพื่อนเข้ากันได้ดี บอกว่า เจ้าเมฆินท์หายคึกคะนองแล้ว
จบทริปการเรียนรู้การขี่ม้าในฟาร์มสีหมอก
....จบ การขี่ม้าในวันที่สองวันสุดท้าย ทุกคนบอกว่า เป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าจดจำ และจะกลับมาอีกในโอกาสหน้าแน่ พี่บังอ้วนอยากให้เสือออยช่วยเขียนลงเฉพาะส่วนของสีหมอกฟาร์ม เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ทางสีหมอกฟาร์มได้มีลูกค้ารายใหม่ๆ มาใช้บริการ ท่านผู้ใดสนใจการขี่ม้ากรุณาติดต่อกับคุณสีหมอก ประพันธ์วงศ์ เบอร์มือถือสายตรงที่ 01-7245818 และ 01-7967775
....พี่บังอ้วนบอก เสือออยว่า รับรองราคาทริปขี่ม้าไม่แพงหรอก ในราคามิตรภาพอันประทับใจดีจริงนะ เสือออยอยากไปเมื่อไหร่ให้พี่พาไปอีก "แน่ใจหรอพี่" เสือออยยิ้มด้วยได้ฟังเรื่องราวของพี่บังอ้วนไปเที่ยวมาแล้วค่ะ
ลืมบอกว่าแนบตำราคู่มือนักเดินทางไปด้วย
....สีหมอกฟาร์ม ตั้งอยู่ที่บ้านแม่สะลองใน อ.แม่จัน เมืองเชียงราย และใกล้สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทองเล็กน้อยๆ เป็นฟาร์มม้าคอกเล็กๆ อยู่ติดกับบริเวณภูใจใสรีสอร์ท ห่างตัวเมือเชียงรายไป 50 กม.กว่า พวกเราปั่นจักรยานแบบสิงห์บรรทุกไปขึ้นเนินสูงลงมาบ้างได้สนุกมาก
....หาก ต้องการเรียนรู้ชีวิตในฟาร์ม สามารถรับรองลูกค้าสนใจการขี่ม้าในภูมิประเทศได้เพียงไม่เกิน 6 คนต่อการขี่ม้า 1 ทริป โดยมีเส้นทางให้เลือกแบบครึ่งวัน และแบบเต็มวัน หากเลือกแบบเต็มวันจะมีบริการอาหารกลางวันด้วย...เรื่องที่พัก พี่บังอ้วนบอกว่ามีบ้านพักเป็นกระท่อมในฟาร์มสีหมอก คุณสีหมอกจะเลี้ยงน้ำชา ข้าวให้กินตามสบาย และที่ภูใจใสรีสอร์ทมีห้องพักหรูสบายแบบคนมีกะเป๋าหนักเท่านั้นเอาล่ะ จบเล่าเรื่องสนุกได้เพียงพอแล้ว..คือว่ากล้องคอมแพ็คของพี่บังอ้วนถ่ายฟิลม์ ไปครึ่งม้วนยังไม่หมด เลยตัดทอนส่วนรูปที่เหลือไม่เกี่ยวกับเรื่องเล่าหรอกค่ะ




0 comments:

Post a Comment

 
Design by Store su | Bloggerized by Laikeng - sutoday | Court